fbpx

ทริปหัวหิน กินเที่ยวสุดแหลก เติมพลังชีวิตให้ตัวเอง

Home > Blog > ทริปหัวหิน กินเที่ยวสุดแหลก เติมพลังชีวิตให้ตัวเอง

วันหยุดหน้าฝน หลายคนอาจจะมองเห็นว่าช่างเป็นวันที่แสนเปล่าเปลี่ยวไม่มีที่เที่ยวไหนจะผลักดันเติมพลังชีวิตให้เราได้เลย เนื่องจากความชื้นมันบดบังตา แต่ความจริงแล้วทางเราก็ได้ไปเสาะหาพื้นที่ใกล้ๆให้ท่านผู้ชมได้ไปจับต้องกันง่ายๆ นั่นก็คือการไปเที่ยวเมืองประจวบฯ หรือหัวหินอันเป็นที่รักของขาคนรักทะเลนั่นเอง ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าไปมาจนเบื่อแล้ว งานนี้ต้องขอบอกก่อนว่า การไปเที่ยวหัวหินในอีกสไตล์ มันได้อะไรมากกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก วันนี้ทาง Lifepro Travel จะมานำเสนอการเที่ยวรูปแบบไหน สไตล์คนทำงานที่อยากพักผ่อนกันครับ

ด้วยเนื่องจากว่าผมไปเที่ยวในครั้งนี้คือการกะไปแบบชิวๆ เติมพลังชีวิตตัวเอง(บวกไปทำงานด้วย) จึงอยากจะขอเน้นหนักไปในด้านการ “กิน” ซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราได้วางแผนการกินสำคัญยิ่งกว่าสถานที่เที่ยวซะอีก การเดินหัวหินหลายคนอาจจะเดินทางกันได้ง่ายๆด้วยรถส่วนตัว ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯไม่มาก แต่ถ้าใครที่อยากมาเที่ยวกันเป็นแบบหมู่คณะ แนะนำนว่าให้มาแบบรถตู้หรือรถไฟจะดีกว่า โดยรถตู้ขาไป – กลับ จากท่าขนส่งก็อยู่ที่ 160 – 180 แล้วแต่รอบ

เมื่อเรามาถึงเราจะมาหยุดอยู่ที่หอนาฬิกา ก่อนหน้านี้ทางเราได้จองโรงแรมเอาไว้ในแอพ Traveloka ซึ่งเราได้ที่พักแสนสบาย ไม่ทลายกระเป๋าอย่าง Chaba Chalet โดยเราดีลที่พักเอาไว้คืนละ 600 บาทเท่านั้นเอง เพราะในตอนนี้ทาง Traveloka มีจัดโปรโมชั่นพิเศษส่วนลดทั้งตั๋วและโรงแรมด้วย

การมาเที่ยวหัวหิน คุณอาจต้องทำใจเรื่องแดดหรือความเหนียวของลมทำเล หรือคิดว่าช่วงหน้าฝนคงจะมีฝนตกบ่อยๆแน่นอน ซึ่งขอบอกเลยว่าตอนที่เรามา ฝนไม่ค่อยตกเลย เพราะพื้นที่แถบทะเลมีฝนตกชุกก็จริง แต่ก็ตกได้แค่แปปเดียวหรือไม่กี่ครั้ง สำหรับบรรยากาศตอนช่วงเย็นๆนี่เป็นอะไรที่ฟินมาก เราไม่ต้องไปแย่งกันต่อแถมเข้าคิวอะไรมากมาย เรียกได้ว่าทะเลในตอนนั้นเป็นของคุณคนเดียวก็ไม่ปาน ยังไงแล้วหากใครที่ต้องการจะไปพักผ่อนก็ลองไปเที่ยวรับลมชิวๆดูได้ครับ

เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าคุณไม่มีรถก็สามารถหาเช่ามอเตอร์ไซต์ได้ง่ายๆ ตกวันละ 250-300 บาท เพราะสถานที่ดังๆก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก สามารถไปไหว้พระทำบุญกันได้ ไม่ว่าจะเป็น วัดห้วยมงคล อุทยานราชภักดิ์ วัดเขาตะเกียบ เป็นต้น โดยปากทางเข้าวัดเขาตะเกียบมีอาหารทะเลสดขายอยู่เต็มไปหมดเลย ที่สำคัญราคาถูกมากๆด้วย

เมื่อเสร็จจากไหว้พระแล้ว เราก็มาเที่ยวช็อบกันได้ที่ Bluport Huahin ซึ่งเป็นห้างที่ครอบคลุมสินค้ามากมาย หรือเราจะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ 4 มิติ  Seenspace Hua Hin ซึ่งขอบอกว่าที่นี่เป็นที่ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของคนรักบรรยากาศทะเลและการจิบเบียหรือเครื่องดื่มไปในตัว

จากนั้นเมื่อเวลายามเข้าถึงตอนเย็นก็จะเป็นคิวของตลาดโต้รุ่งที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมามากมายงานนี้ ทางเราไม่รอช้า รีบหาร้านเจ้าประจำกันก่อนเพราะว่าราคาถูกที่สุด ไม่ทำร้านนักท่องเที่ยวดีกับร้าน….. ซึ่งอาหารก็สด กรอบ และแซ่บมากๆอีกด้วย

แต่ขอบอกว่าหากคุณจะซื้ออาหารทะเลประเภทกุ้ง ปู ปลาหมึก ราคาอาจจะโดดมากไปซะหน่อย ซึ่งเราจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า งานนี้ทาง Lifepro Travel ขอเสนอร้านอาหารบุฟเฟ่ที่หนึ่ง นั่นก็คือ Mr.Grill ครับ ร้านนี้เป็นร้านอารมณ์คล้ายหมูกระทะปิ้งย่าง แต่คุณภาพนั้นดีกว่าร้านอาหารหลายๆร้านเสียอีก แถมเรายังสามารถเลือกกินอาหารทะเลประเภทกุ้งได้ไม่จำกัดด้วย หากเราสั่งที่ร้านธรรมดามากินจะตกอยู่ที่กิโลละ 700 บาท แต่ถ้าเป็นที่นี่ คุณสามารถจับกุ้งสดๆมาย่างกินได้ไม่จำกัดเลยในเรทราคาแค่ 320 บาทเท่านั้น งานนี้เรากินกัน 3 โลกว่าๆ เรียกได้ว่าจุใจกันไปเลยทีเดียว

วันรุ่งขึ้นเราจัดทริปกันไปหาร้านที่เป็นที่รู้จักกันในหัวหินซึ่งก็มี “ร้านเจ๊เปี๊ยะ” ร้านอาหารที่ขายอาหารเช้ามายาวนานหลายสิบปี ซึ่งราคาไม่แพง แถมรสชาติก็อร่อยถูกปากมากๆอีกด้วย

เสร็จแล้ว เราก็ไปเที่ยวทะเลกันเช่นเคยเพื่อรับเสียงคลื่นเข้าสมอง จากนั้นพอตกเย็นเราก็ไปเที่ยวตลาดนัด Chileda Market Hua Hin ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสวนน้ำ วานานาว่า อีกด้วย งานนี้เราวางแผนที่จะลองสั่งพิซซ่า ซูชิ และซี่โครงย่างมารับประทานกัน พร้อมด้วยฟังเพลงโฟคซองชิวๆในวันนั้น เรียกได้ว่าบรรยากาศคุ้มแสนคุ้มเสียอีก

นอกจากนี้แล้วเรายังไปใช้บริการนวดผ่อนคลายอยู่ที่ “ตลาดโต้รุ่ง” โดยราคาจะอยู่ที่ 200 บาทต่อชั่วโมง ถือว่าราคาไม่แพงเลยถ้าเทียบกับในกรุงเทพฯ (ตกชั่วโมงละ 300 บาท) อีกทั้งพนักงานก็บริการดีมากๆเช่นกัน

 

อย่างไรแล้วราคาที่เราใช้จ่ายกันไปใน 3 วัน 3 คืน ตกอยู่ราวๆ 6500 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว) ซึ่งหารกันไปคนละไม่ถึง 3000 ด้วยซ้ำ ยังไงหากใครที่คิดจะเดินออกจากบ้านมาเติมเต็มพลังงานดีๆก่อนจะกลับไปลุยงานต่อก็อย่าลืมตั้งทริปกับเพื่อนๆมาเที่ยวหัวหินสไตล์กินแหลกดู ราคาไม่แรงมากในช่วงนี้ ที่สำคัญคือคนไม่เยอะวุ่นวายแน่นอน