fbpx

Tag

Travel
สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปในแถบคันไซโดยอยากจะผ่านหลายๆเมืองเช่น สึ ยามาโตะ มิเอะ หรือนาโกย่าแล้วล่ะก็ ทุกคนอาจจะต้องนึกถึง ชินคันเซ็น หรือคินเท็ตสึ อย่างสามารถเดินทางไปในหลายๆจังหวัดได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับบุคคลที่ไปลงโอซาก้าแล้วอยากเที่ยวต่อที่นาโกย่า ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งใหญ่ๆที่หันมาใช้บัตรคินเท็ตสึเรียลพาสกันทั้งนั้น โดยในหลายรีวิวที่ผ่านมา มีการบอกรูปแบบการใช้ไว้อย่างมากมาย แต่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ถึงข้อดีข้อเสียของมันว่า เป็นอย่างไร วันนี้ทาง LifeProTravel ได้ไปลองใช้จริงมาแล้วครับ เรียกได้ว่าอยู่ในเหตุการณ์จริงเลยทีเดียว จากเส้นทางนาโกย่าไปลงโอซาก้า และจะมาแชร์ทางเลือกให้คุณทั้งข้อดีข้อเสียเพื่อให้คนที่จะไปเที่ยว ได้พิจารณากันครับ ข้อดีของคินเท็ตสึเรียลพาส 1. สามารถแวะเที่ยวจังหวัดต่างๆระหว่างทางได้ โดยถ้าคุณอยู่ที่โอซาก้าแล้วอยากไปลงนารา เกียวโต หรือแถบย่านมิเอะซะหน่อย อาจจะไม่ต้องทำใจรออะไรมาก เพราะมันใช้เวลาแต่ละเมืองเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น 2. ดูเส้นทางง่าย แต่ละเส้นทางจะมีแถบสีให้ดูง่ายมากๆว่าเป็นเส้นทางแบบไหน ถ้าเป็นสายสีแดงก็จะไปสุดที่นารา สีเหลืองก็ไปสุดที่เกียวโต หรือถ้าใครจะไปแถบย่านมิเอะ ก็ต้องต่อรถไปอีกเป็นสายสีฟ้า เป็นต้น 3. สามารถหาซื้อได้เป็นบัตรเรียลพาสแบบทั้งวัน ราคาของคินเท็ตสึจะมีความแตกต่างออกไปแต่ละพื้นที่ แต่ก็มีรูปแบบของการซื้อบัตรเหมาทั้งวันได้ด้วย และราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วยอย่างที่คิด ข้อเสียของคินเท็ตสึเรียลพาส 1. ต่อรถหลายขบวน สำหรับคนที่ต้องการจะไปเที่ยวนาโกย่าโดยเริ่มต้นตั้งแต่โอซาก้า อาจจะต้องทำใจหน่อยเพราะคินเท็ตสึเป็นรถไฟที่จะต้องออกนอกเมืองทุกๆ 10-15 นาที และมีชานชาลาเยอะมากๆ ทำให้ถ้าคุณคิดจะนั่งรถไฟสายนี้ ก็จะต้องทำใจกับการหยุดรถจอดป้ายบ่อยๆหน่อย...
Read More
ใกล้เข้าหน้าหนาวกันแล้วในอีกไม่ช้า หลายคนก็คงจะกำลังวางแผนแพ็กกระเป๋าออกไปสู่โลกภายนอกกันแล้ว ซึ่งบางคนก็วางแผนที่จะออกต่างจังหวัด แต่สำหรับบางคนที่วางแผนไปไกลกว่านั้นก็ดูเหมือนจะชื่นชอบการสัมผัสหิมะจางๆหรือบรรยากาศอันหนาวเย็นที่แสนจะโรแมนติกหรือน่าสนุกสนานอย่างเช่นต่างประเทศ ซึ่งทั้งนี้ก็ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจที่ตอบรับความหนาวและน่าไปอย่างหลากหลาย เราไปดูกันครับว่ามีที่ไหนกันบ้าง อูลาน บาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ที่แรกเลยคือเราอยากจะพาคุณไปสัมผัสกับบรรยากาศแห่งมองโกล ที่เมืองอูลาน บาตอร์ ประเทศมองโกเลีย ซึ่งเป็นประเทศในย่านแถบจีน แต่มีอากาศความหนาวที่ติดลบได้โหดมาก นั่นก็คือ -40 องศา ในช่วงหน้าหนาวเดือนพฤจิกายน ซึ่งถ้าหากใครที่อยากจะไปสัมผัสความหนาวเย็นและภาพทุ่งหญ้าสวยๆที่ชโลมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนที่อารมณ์ไปอีกแบบก็ควรจะมาที่นี่เลยครับ ซาปา ใครเลยจะรู้ได้ว่า เมืองแห่งออกซิเจนอย่างซาปา ก็มีช่วงหน้าหนาวที่ติดลบจนเป็นหิมะได้ด้วย ซึ่งบรรยากาศของเมืองซาปา ย่านถิ่นชุมชนพื้นเมืองของประเทศเวียดนามก็สามารถเนรมิตหิมะให้ชโลมไปทั่วทุ่งนาได้เหมือนกัน แต่จะเกิดขึ้นรึเปล่าอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณ เพราะหิมะในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ค่อยจะออกมาเท่าไหร่ แต่สำหรับซาปานั้นก็ยังมีความหนาวที่ถูกใจนักท่องเที่ยวหลายๆคน และมีแนวโนมจะเกิดหิมะได้มากสุดในช่วงมกราคม คุณสามารถเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติในถิ่นใกล้เคียงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกซิลเวอร์ ตรามตอนพาส และหมู่บ้านกัตกัต ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนจะสวยงามและโรแมนติก ถ้าใครที่ต้องการอยากจะชมหิมะ หรืออยากสัมผัสบรรยากาศหนาวๆก็ติดตามข่าวสารดูครับ ถ้าหากมันเกิดขึ้นก็คงจะสวยงามไม่ต่างจากสวรรค์ในจินตนาการของเราอย่างแน่นอน ฮาบิน ใครก็ตามที่หลงใหลในเทศกาลหน้าหนาวและมีหิมะปกคลุมก็คงจะหลีกหนีไม่พ้นเมืองนี้ นั่นก็คือเมือง ฮาร์บิน ภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศจีน ที่มีอาณาเขตติดกับรัสเซีย โดยหิมะหรือช่วงหน้าหนาวจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม และอาจจะหนักต่ำสุดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งช่วงนั้นจะมีเทศกาลปั้นหิมะหรืองานแกะสลักน้ำแข็งขึ้น งานนี้ใครที่ชอบงานที่จัดในธีมหิมะก็อย่าพลาด ซัปโปโร อีกหนึ่งที่ไม่แพ้กัน สำหรับประเทศที่หลงใหลการจัดงานเทศกาลหิมะหรือน้ำแข็ง ที่จัดประกวดแกะสลักน้ำแข็งทุกปี จนเป็นที่ยอมรับของหลายประเทศทั่วโลก เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หิมะตกได้สวยงามที่สุดและหนาวที่สุด...
Read More
สำหรับใครที่ต้องการจะหาที่เที่ยวสงบๆในราคางบประมาณ 15000+ ก็ต้องวางแผนกันหน่อย แต่กลับไม่ใช่สำหรับ หมู่บ้าน “ชิราคาวาโกะ” หมู่บ้านที่เรียกได้ว่าติดอันดับสถานที่ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งนี้หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักหมู่บ้านอันสวยงามแห่งนี้ และยังไม่รู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงเรื่องราวและที่มาของ หมู่บ้านชิราคาวาโกะกันครับ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) จัดเป็นมรดกโลกอันล้ำค่าและเก่ามากในญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสถานที่ล้ำค่าทางประวัติศาสตร์อย่างมากและเป็นที่น่าจับตามองของนักท่องเที่ยวมากๆด้วย โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลั่งใหลกันเข้ามาเที่ยวที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็เพราะมันมีบรรยายกาศที่แสนสดชื่นและสบายนั่นเอง หมู่บ้านแห่งนี้เดิมทีเป็นหมู่บ้านของชนชั้นชาวนาที่อาศัยอยู่แหล่งแม่น้ำโชกาวะ ซึ่งพืชไร่จะอุดมสมบูรณ์และเขียวขจีมากๆในช่วงหน้าอากาศแจ่มใส หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เป็นหมู่บ้านที่อยู่เขตจังหวัดกิฟูและโทยาม่า มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี และมีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ดูสวยงาม คลาสสิก และมีสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นสูง จนทำให้ได้รับจารึกว่าเป็นสถานที่มรดกโลกและในญี่ปุ่นไปโดยปริยาย มาเที่ยวอย่างไร โดยส่วนใหญ่แล้ว นักท่องเที่ยวมักจะเริ่มต้นเส้นทางตั้งแต่ ทาคายาม่า เป็นหลัก เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากจังหวัดทาคายาม่าเท่าไหร่นัก ทำให้ผู้คนมักจะมาเริ่มต้นที่จุดนี้ก่อนอยู่เสมอ แต่สำหรับใครที่ไม่สะดวกมาต่อที่ทาคายาม่า ก็สามารถเริ่มต้นที่จังหวัดนาโกย่าได้เลย มีบริการรถทัวน์และรถบัสไปยังหมู่บ้านได้ง่ายๆสบายๆครับ หรือถ้าใครเริ่มต้นจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็ต้องอดทนหน่อย เพราะจะต้องนั่งรถไฟต่อมาลงที่ทาคายาม่าอยู่ดี พักที่นี่ได้มั๊ย คำตอบคือไม่ได้โดยตรง แต่สามารถพักบริเวณแหล่งใกล้เคียงได้ ซึ่งหลักๆก็จะมี Kanja Guesthouse เก็สเฮาส์ของหมู่บ้านที่อยู่ติดกับบ้านชิราคาวาโกะเลย ซึ่งราคาก็ตกคืนละ 2000-3000 บาท ครับ ควรมาช่วงไหนดีที่สุด หมู่บ้านชิราคาวาโกะ จะเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวได้ตลอดปี ซึ่งก็จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป แต่หลักๆที่คนมาเที่ยวเยอะที่สุดก็คือ ช่วงหน้าหิมะและช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี...
Read More
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประเทศท่องเที่ยวและเต็มไปด้วยอะไรดีๆมากมายอย่าง มาเก๊า จะมีค่านิยมที่หลายคนมองว่าเป็นประเทศแห่งคาสิโนไปซะอย่างนั้น เนื่องด้วยจากที่ศูนย์กลางของประเทศเป็นแหล่งรวมย่านคาสิโนชื่อดังที่ติดอันดับโลก แถมยังเป็นหน้าเป็นตาดึงดูดให้นักท่องเที่ยวพากันหลั่งใหลเข้ามาที่ประเทศนี้ปีละล้านๆคนอีกต่างหาก นั่นจึงเป็นส่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทำไมมาเก๊าถึงขึ้นชื่อเรื่องคาสิโนมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆงามๆที่ควรจะเชิดชูไว้ วันนี้ทาง LifePro Travel จะมาบอกเรื่องน่ารู้ของมาเก๊า ที่ไม่ได้มีดีแค่คาสิโนกันครับ 1. ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล คือแลนมาคด์ของจริง เรามาดูที่อันดับแรกกันก่อนเลยคือ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ซึ่งถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ชั้นนำที่ถ้านักท่องเที่ยวมาเหยียบลงมาเก๊าแล้วไม่ได้มาที่แห่งนี่ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครที่คิดว่าคาสิโนเป็นสถานที่แลนมาคด์ล่ะก็ ถือว่าคุณคิดผิดครับ ยังไงก็ต้องมาถ่ายรูปที่นี่ก่อน แล้วค่อยไปจุดเช็คพอยด์ต่อไป นอกจากนั้นรอบๆข้างสถานที่ ประตูโบสถ์เซนต์ปอล ก็ยังมีของขายน่าสนใจและอาหารอร่อยๆให้คุณได้ช็อปปิ้งอีกด้วย 2. เมืองเวนิสแห่งเอเชีย ใครเลยจะรู้ว่า มาเก๊ามีอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจและน่าไปถ่ายรูปเอามากๆ นั่นก็คือ The Venetian เมืองเวนิสแห่งเอเชียนั่นเอง ซึ่งในที่นี้ก็จะมีแหล่งของขายระดับสากลและสถานที่แยกย่อยข้างในที่สวยงาม แถมยังมีบริการล่องเรือพร้อมให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราไปนั่งชมเมืองเวนิสสวยๆให้พักผ่อนหย่อนใจเล่นกันอีกต่างหาก 3. มา มาเก๊า ต้องกินทาร์ตไข่ ทาร์ตไข่ นับเป็นขนมซิกเนเจอร์ที่เราควรซื้อกินหรือห่อติดกลับประเทศอย่างมาก (ถ้าบินกลับในตอนเช้า) เพราะที่มาเก๊า จะขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มกรอบของทาร์ตไข่ และความหวานหอมที่ทาร์ตไข่บ้านเรายังเทียบไม่ได้เลยเชียวล่ะ 4. สถานที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเค้าโครงจีนนัก ถ้าคุณลองไปแล้วลองสังเกตตึกหรือสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่แล้ว คุณจะแอบสงสัยว่าตึกรูปทรงต่างๆมักจะมีการดีไซต์ที่เหมือนกับยุโรปมากกว่าจีน ทั้งๆที่มันเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายประเทศจีนด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุผลหลักก็คือที่นี่เคยได้รับอิทธิพลจากทางฝั่งยุโรปมาก่อน เมื่อกาลเวลาผ่านไป เกาะมาเก๊าได้รับอิสรภาพ จึงทำให้สามารถรวมเป็นประเทศได้และยังคงรูปลักษณะของสถานที่สไตล์ยุโรปเอาไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวนั่นเอง...
Read More
ตามรายงานจากข่าวกรมอุตุนิยมวิทยาของทางญี่ปุ่นได้พยากรณ์อากาศเอาไว้แล้วว่า พายุที่คาดว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ “ฮากิบิส” จะเคลื่อนตัวเข้ามายังฝั่งฮามามัสสึและเคลื่อนตัวเฉียงขึ้นไปยังฝั่งโตเกียวในวันที่ 12 ตุลาคม 2562 ส่งผลให้ในช่วงระหว่างนั้น ชิบะ ชิซึโอกะ อิบารากิ โทจิกิ คานากาวะ ไซตามะ กุมมะ นากาโนะ ยามากาตะ ยามานาชิ นีงาตะ ฟูกูชิมะ มิยากิ และ อิวาเตะ ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เส้นทางเดินรถไฟต้องเป็นอันยกเลิกไป และจากรายงานของทางกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นในวันเดียวกัน คาดการณ์เอาไว้อีกว่าวันที่ 13 ตุลาคม หรือวันนี้ พายุดังกล่าวจะเคลื่อนตัวออกนอกชายฝั่งกรุงโตเกียว โดยมีการแจ้งกราฟฟิกคร่าวๆให้เห็นได้ในเว็บไซต์ windy.com ซึ่งก็เป็นผลจริงอย่างที่คาดการณ์ กลายเป็นว่าประเทศญี่ปุ่นบางส่วนหลักๆได้ผ่านพ้นขีดอันตรายของพายุฮากิบิสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังต้องมีการซ่อมบำรุงและจัดมาตราการฟื้นฟูบ้านเมืองอีกในหลายพื้นที่ โดยทางจังหวัดแถบคันไซ เช่น โอซาก้า นาโกย่า นารา เกียวโต ได้รับผลกระทบไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นข่าวดีและเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับทางฝั่งทางแถบคันไซที่ไม่ได้ผลกระทบอันตรายมากเท่าไหร่นัก ผิดกับจังหวัดชิบะที่ได้รับผลจากแผ่นดินไหวและน้ำท่วมฉับพลัน แต่ทางรัฐบาลก็ระดมกำลังจัดแจงระบายน้ำออกให้ไว้ที่สุดเพื่อเข้าฟื้นฟูพื้นที่ให้แล้วเสร็จเพื่อเตรียมตัวรับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่อพยพไปนั่นเอง อีกทั้งในเมืองหลวงอย่าง โตเกียว ก็มีอากาศแจ่มใส และไม่ได้รับผลใดๆจากพายุมากนัก นับว่าจังหวัดทางฝั่งใกล้เคียงอย่างชิบะ ฮามามัสสึ ได้รับผลกระทบจากลูกตาพายุเคลื่อนตัวเข้ามาเต็มๆ แต่ในตอนนี้พายุได้เคลื่อนตัวออกนอกชายฝั่งทะเลไปแล้ว แต่ก็ยังส่งผลต่อภูมิภาคบางส่วนในฮอกไกโดอยู่...
Read More
ดูเหมือนว่าตัวเลือกจะค่อยๆเพิ่มมาเรื่อยๆแล้ว สำหรับโลกเราที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดก็ได้มีการประกาศจากประเทศคาซัคสถาน ประเทศที่เราเองรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากไปหรือไปยากเมื่อได้ยินชื่อ บางคนแทบร้องออกมาเลยว่า ประเทศนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างด้วยซ้ำ ซึ่งเราจะมาประกาศและเจาะลึกกันครับว่าประเทศดังกล่าวนี้ ได้อัพเดตสถานการณ์อะไรไว้แล้วบ้าง โดยอันดับแรกเลยคือ ประเทศคาซัคสถาน ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า จะยกเลิกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไทยโดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 กันยายน 2562 นี้ เพิ่มอีก 1 ประเทศ สำหรับที่เที่ยวต่างประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า กับประเทศคาซัคสถาน ที่ได้ประกาศยกเลิกการตรวจลงตราวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 เป็นต้นไป โดยมีการประกาศจากทางสถานทูตของคาซัคสถานและทางรัฐบาลของเขาเองเลย โดยมีมติดังนี้ “ข้อกำหนดการยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าสำหรับพลเมืองของราชอาณาจักรไทย สามารถพำนักอยู่ได้ 30 วัน มีผลใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2562 เป็นต้นไป ” แต่ใครเลยจะรู้จักหรือเข้าใจว่า คาซัคสถาน ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าเที่ยวเอามากๆซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะไม่รู้เท่าไหร่นัก แถมราคาตั๋วก็แพง แต่ความจริงแล้วในปัจจุบันตั๋วได้มีการปรับลดเป็นราคาโปรได้อย่างแพร่หลายแล้วใน Traveloka หรือ Skyscaner ฉะนั้นก็ลองไปสำรวจดูได้ว่าเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ราคาก็จับต้องกันได้หมดแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปครับ เห็นแบบนี้แล้ว คาซัคสถาน ก็เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ดูแล้วก็เหมือนที่เที่ยวในฝันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Big...
Read More
นับเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นถึงประเทศที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกไว้ตั้งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นพีระมิด สุสานฟาโรห์ หรือรูปปั้นสฟิงส์ที่ปกคลุมไปด้วยทะเลทรายและความกว้างใหญ่ไพศาลของพื้นที่อันแห้งแล้ง พูดมาขนาดนี้ถ้ายังเดาว่าเป็นประเทศอะไรไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว นั่นก็คือประเทศอียิปต์นั่นเอง ประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่ปกคลุมไปด้วยทะเลทรายซะส่วนใหญ่ มีอาณาเขตพื้นที่ร้อนชื้น ติดลุ่มแม่น้ำไนท์ แต่เนื่องจากพื้นที่มีการเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรจึงมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นในบางฤดู เพราะฉะนั้นแล้วถ้าคุณไปแล้วไปถึงตอนเย็นคุณจะรู้สึกถึงความหนาวจัดได้ในทันที ทั้งๆที่ตอนกลางวันก็ร้อนตับแทบแตก ทั้งนี้ถ้าใครที่กำลังเตรียมตัวจะไปเที่ยวอียิปต์ก็ควรเตรียมการเรื่องต่างๆเป็นสำคัญดังนี้ครับ 1. หน้ากากกันฝุ่น ถ้าคุณรู้สึกว่า PM2.5 บ้านเราที่ว่าแย่แล้ว หรือฝุ่นจากเขาชนไก่สมัยเรียน รด. คิดว่าเดือดแล้ว ขอบอกว่าที่อียิปต์เดือดกว่าเยอะครับ เพราะด้วยสภาพอากาศโดยรอบเป็นทะเลทราย เพราะฉะนั้นที่นั่นจะเต็มไปด้วยฝุ่นละอองมากมาย แถมพื้นที่ในเมืองก็เต็มไปด้วยขยะหรือสิ่งของรีไซเคิลต่างๆ ทำให้เกิดฝุ่นหลากหลายประเภท ฉะนั้นแล้วถ้าใครจะไปควรพกผ้าปิดปากหรือหน้ากากกันฝุ่นไปด้วยจะดีมาก ยิ่งคนเป็นภูมิแพ้ยิ่งต้องระวังเลย 2. แว่นกันแดด/ครีมกันแดด แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือแว่นกันแดด เพราะแสงแดดที่นู่นจ้ามากๆ ทำให้การมองเห็นของเราอาจจะไม่คุ้นชิน ยิ่งสภาพอากาศที่ร้อนชื้นแบบนี้ยิ่งต้องพกครีมกันแดดไปด้วยยิ่งดี เพราะ UV ที่นู่นจะกัดกินผิวคุณชนิดแบบไม่รู้ตัว เชื่อเลยว่าถ้าใครไม่ได้ทาครีมก่อนออกไปผจญภัย กลับมาก็คงผิวดำกลมกลืนกับชาวพื้นเมืองแน่นอน 3. เตรียมวีซ่าแต่เนิ่นๆ หลายคนอาจจะคิดว่าการทำวีซ่าของที่อียิปต์ เป็นอะไรที่ชิวและสะดวกสบาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็อย่าชะล่าใจไป เพราะการทำวีซ่าของคุณมีโอกาสไม่ผ่านได้ง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นคุณจะต้องไปจัดการเรื่องของวีซ่าให้ผ่านซะแน่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นพอถึงวันไปแล้ว วีซ่าไม่ผ่านก็ไม่สามารถไปได้นั่นเอง 4. ตัวเลขตามท้องที่ คุณพระ เรื่องนี้เป็นอะไรที่สำคัญมากพอๆกับบ้านเราเลยนะ เพราะที่ประเทศอียิปต์เขาไม่นิยมใช้ตัวเลขอารบิกกันนะ แต่ดันนิยมใช้ตัวเลขอาหรับ...
Read More
สิ้นปีใหม่ ถ้าหากใครที่ต้องการจะไปท่องเที่ยวในเชิงของธรรมชาติที่แหวกแนวไม่เหมือนใคร งานนี้ทาง LIFEPRO TRAVEL ขอนำเสนอพื้นที่อันห่างไกลที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงว่ามันสามารถไปได้ นั่นก็คือ ทะเลสาบไบคาลนั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักสถานที่นี้ดีว่ามันคือที่ไหนกัน และมันมีความสวยงามยังไงที่คุ้มค่าต่อการไป เดี๋ยวทาง LIFEPRO TRAVEL จะมาอธิบายให้ฟัง ทะเลสาบไบคาล เป็นสถานที่ๆขึ้นชื่อและได้รับการลงทะเบียนว่าเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไซบีเรีย ซึ่งมันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก และสวยงามที่สุดติดอันดับโลก ในช่วงหน้าหนาวไซบีเรียจะมีสภาพอากาศเย็นยะเยือกตลอดเดือน ทำให้สะเลสาบไบคาลแข็งตัวกลายเป็นเสมือนแผ่นดินที่มีความสวยงามและหนาวเหน็บน่าไปเที่ยว การไปเที่ยวทะเลสาบไบคาล จำเป็นจะต้องซื้อทัวน์วันเดย์อย่างเดียว และต้องเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งด้วย โดยเดี๋ยวนี้สายการบินได้มีการเปิดโปรโมชั่นเยอะแยะมากมาย บางสายการบินคิดค่าเครื่องไปกลับไม่ถึง 15000 บาท ซึ่งทำให้พวกเราสามารถจับต้องทะเลสาบไบคาลได้ โดยไม่ต้องฝันอีกต่อไป และอย่างหนึ่งการไปเที่ยวที่ไซบีเรียในช่วงปลายปี นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับเรา โดยทำให้เราหลุดจากกรอบเดิมๆ ที่ต้องยึดติดกับสภาพอากาศหนาวธรรมชาติ แถมที่นี่ถ้าใครโชคดีได้ไปในเวลาที่ประจวบเหมาะพอดีก็อาจจะได้เห็นแสงเหนือได้ง่ายๆอีกด้วย ยังไงก็ลองไปดูกันได้ครับ
Read More
ไหนๆทางสถานฑูตอิเดียก็ได้ออกกฏให้มีการลดหลั่นค่าวีซ่าแล้วซึ่งก็มีการจัดทำที่ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้เราสามารถที่จะไปเที่ยวอินเดียกันได้สะดวกและง่ายขึ้นมากกว่าแต่ก่อน อีกอย่างตอนนี้ทางสายการบิน AirAsia ก็ได้เปิดเส้นทางใหม่ของอินเดียเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็น นิวเดลี ชัยปุระ หรือพาราณสี สดๆร้อนๆเลย โดยใครที่สนใจจะไปอินเดียก็สามารถไปติดต่อทำวีซ่ากันได้ง่ายๆแล้ว ซึ่งสามารถขอวีซ่าออนไลน์ได้ช้าสุด 4 วัน และเร็วสุด 120 วันก่อนวันเดินทางครับ แต่ทั้งนี้แล้ว การที่คนเราที่คิดอยากจะไปอินเดียนั้น หลายคนอาจจะต้องคิดว่าคนที่ไปต้องคิดแปลกๆแน่ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักจะไม่นิยมไปอินเดียกัน เนื่องด้วยจากทัศนคติของเราที่มีต่อชาวแขกไม่ค่อยจะดีเท่าที่คิดไว้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ คนไทยส่วนมานิยมไปอินเดียกันไม่แพ้ประเทศพัฒนาอย่างญี่ปุ่นหรือจีนเลยล่ะ เพราะมันเต็มไปด้วยเมืองแห่งวัฒนธรรมโบราณและมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้หากใครที่สนใจจะไปเที่ยวประเทศนี้ล่ะก็ ลองไปดูข้อมูลกันก่อนว่า ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างและมีอะไรน่าสนใจต่อประเทศนี้กัน 1. ค่าเงินรูปี ค่าเงินรูปีของอินเดีย จะมีค่าของเงินไทยประมาณ 0.5 บาทไทยครับ เพราะฉะนั้น 2 รูปีเท่ากับ 1 บาทไทย บางคนอาจจะคิดว่าเฮ้ย! ถ้าอย่างนั้นบ้านเมืองก็มีสินค้าถูกสิ ความจริงแล้วค่าครองชีพเขาแทบไม่ต่างอะไรจากสิงค์โปร์หรือจีนเลย 2. ภาษา ถ้าคุณไปอินเดีย สิ่งแรกที่คุณไม่ต้องกังวลเลยก็คือภาษา ยิ่งคุณมีภาษาอังกฤษระดับหนึ่งด้วยแล้วยิ่งสบายเข้าไปใหญ่ เพราะคนที่นี่ล้วนพูดภาษาอังกฤษกันได้เกือบทุกคน เนื่องด้วยจากอินเดียได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอื่นๆค่อนข้างหลายด้วย และยังเป็นประเทศที่เก่งด้วยไอทีในระดับโลกอีกด้วย 3. อากาศ การไปอินเดีย สภาพอากาศอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เข้าใจกัน ทั้งนี้ก็แล้วแต่ชนชาติพื้นเมืองและสภาพความเป็นอยู่ด้วย...
Read More
วันหยุดหน้าฝน หลายคนอาจจะมองเห็นว่าช่างเป็นวันที่แสนเปล่าเปลี่ยวไม่มีที่เที่ยวไหนจะผลักดันเติมพลังชีวิตให้เราได้เลย เนื่องจากความชื้นมันบดบังตา แต่ความจริงแล้วทางเราก็ได้ไปเสาะหาพื้นที่ใกล้ๆให้ท่านผู้ชมได้ไปจับต้องกันง่ายๆ นั่นก็คือการไปเที่ยวเมืองประจวบฯ หรือหัวหินอันเป็นที่รักของขาคนรักทะเลนั่นเอง ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าไปมาจนเบื่อแล้ว งานนี้ต้องขอบอกก่อนว่า การไปเที่ยวหัวหินในอีกสไตล์ มันได้อะไรมากกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก วันนี้ทาง Lifepro Travel จะมานำเสนอการเที่ยวรูปแบบไหน สไตล์คนทำงานที่อยากพักผ่อนกันครับ ด้วยเนื่องจากว่าผมไปเที่ยวในครั้งนี้คือการกะไปแบบชิวๆ เติมพลังชีวิตตัวเอง(บวกไปทำงานด้วย) จึงอยากจะขอเน้นหนักไปในด้านการ “กิน” ซะส่วนใหญ่ ซึ่งเราได้วางแผนการกินสำคัญยิ่งกว่าสถานที่เที่ยวซะอีก การเดินหัวหินหลายคนอาจจะเดินทางกันได้ง่ายๆด้วยรถส่วนตัว ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯไม่มาก แต่ถ้าใครที่อยากมาเที่ยวกันเป็นแบบหมู่คณะ แนะนำนว่าให้มาแบบรถตู้หรือรถไฟจะดีกว่า โดยรถตู้ขาไป – กลับ จากท่าขนส่งก็อยู่ที่ 160 – 180 แล้วแต่รอบ เมื่อเรามาถึงเราจะมาหยุดอยู่ที่หอนาฬิกา ก่อนหน้านี้ทางเราได้จองโรงแรมเอาไว้ในแอพ Traveloka ซึ่งเราได้ที่พักแสนสบาย ไม่ทลายกระเป๋าอย่าง Chaba Chalet โดยเราดีลที่พักเอาไว้คืนละ 600 บาทเท่านั้นเอง เพราะในตอนนี้ทาง Traveloka มีจัดโปรโมชั่นพิเศษส่วนลดทั้งตั๋วและโรงแรมด้วย การมาเที่ยวหัวหิน คุณอาจต้องทำใจเรื่องแดดหรือความเหนียวของลมทำเล หรือคิดว่าช่วงหน้าฝนคงจะมีฝนตกบ่อยๆแน่นอน ซึ่งขอบอกเลยว่าตอนที่เรามา ฝนไม่ค่อยตกเลย เพราะพื้นที่แถบทะเลมีฝนตกชุกก็จริง แต่ก็ตกได้แค่แปปเดียวหรือไม่กี่ครั้ง สำหรับบรรยากาศตอนช่วงเย็นๆนี่เป็นอะไรที่ฟินมาก เราไม่ต้องไปแย่งกันต่อแถมเข้าคิวอะไรมากมาย...
Read More
1 2